ลักษณะการแต่งฉันท์

สาลินีฉันท์ ๑๑

แผนผังบังคับสาลินีฉันท์ ๑๑

สาลินีฉันท์  (อ่านว่า  สา-ลิ-นี-ฉัน)  ตามความหมายในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน  กล่าวถึง  ชื่อฉันท์อย่างหนึ่ง บาทหนึ่งมี ๑๑ คํา วรรคหน้ามี ๕ คํา เป็นครุล้วน วรรคหลังมี ๖ คํา คําที่ ๑ และคําที่ ๔ เป็นลหุ  นอกนั้นเป็นครุ


คณะและพยางค์ 

สาลินีฉันท์  ๑  บท ประกอบด้วยคณะและพยางค์  ดังนี้
มี ๒ บาท  วรรคหน้ามีจำนวน  ๕  คำ/พยางค์   และวรรคหลังมีจำนวน  ๖  คำ/พยางค์  เช่นเดียวกัน

๑  บาท  นับจำนวนคำได้  ๑๑  คำ/พยางค์   ดังนั้น  จึงเขียนเลข  ๑๑ หลังชื่อ   สาลินีฉันท์  นี่เองครับ  (แต่ต้องสังเกตที่ครุ-ลหุ  ใน  ๑  บาท  จะปรากฏคำลหุเพียง ๒ แห่ง  คือคำที่  ๑  และคำที่  ๔  ในวรรคหลัง)

ทั้งบทมีจำนวนคำทั้งสิ้น  ๒๒  คำ/พยางค์

สัมผัส

พบว่า  สาลีนีฉันท์  มีสัมผัสนอก  (ที่เป็นสัมผัสภายในบท)  จำนวน  ๒  แห่ง ได้แก่

๑.  คำสุดท้ายของวรรคหน้าในบาทที่  ๑   ส่งสัมผัสกับคำที่ ๓  ของ วรรคหลังในบาทเดียวกัน

๒.  คำสุดท้ายของวรรคหลังในบาทที่  ๑  ส่งสัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคหน้าในบาทที่  ๒

          สัมผัสระหว่างบท  พบว่า  คำสุดท้ายของบท  ส่งสัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคหลังในบาทที่  ๑  ของบทต่อไป

          คำครุ  ลหุ   สาลีนีฉันท์  ๑  บท  มีคำครุทั้งหมด  ๑๘  คำ/พยางค์  และมีคำลหุทั้งหมด  ๔  คำ/พยางค์   ให้นักเรียนสังเกตสัมผัสบังคับ  (สัมผัสนอก)  และบังคับครุ-ลหุ  สาลินีฉันท์  ๑๑  ตามผังภาพ

คำครุ   สัญลักษณ์แทนด้วย    ั

       คำลหุ   สัญลักษณ์แทนด้วย    ุ   

โทธกฉันท์ ๑๑

  “โทธกฉันท์” เป็นชื่อที่เรียกตามแบบไทย แต่ในคัมภีร์วุตโตทัย ท่านเรียกว่า “โทธกคาถา” เป็นติฏฐุภาฉันท์ ฯ “โทธก” แปลว่า “คาถาที่มีเสียงกระทบฐาน คือคอและเพดานเป็นอย่างแรง เพราะมี ภ คณะ ๓ คณะต้นบาท” เป็นคาถา ๔ บาท ๆ ละ ๑๑ คำ มีสูตรว่า “โทธกมิจฺฉติ เจ ภภภา คา” แปลว่า“คาถาที่มี ภ คณะ ภ คณะ ภ คณะ และครุลอย ๒ ชื่อว่า“โทธกคาถา”

ในการบัญญัติฉันท์ไทยนั้น ท่านนำสูตรดังกล่าวมาเป็นสูตร โดยกำหนดนำมาเพียง ๒ บาท แล้วปรับปรุงให้เป็น ๔ วรรค เพราะมีบาทละ ๑๑ คำ จึงเรียกว่า “ฉันท์ ๑๑” แล้วเพิ่มสัมผัสเข้า คือ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๑ ส่งสัมผัสไปยังคำที่ ๓ ของวรรคที่ ๒, คำสุดท้ายของวรรคที่ ๒ ส่งสัมผัสไปยังคำสุดท้ายของวรรคที่ ๓, และคำสุดท้ายของวรรคที่ ๔ ส่งสัมผัสไปยังคำที่พร้อมจะรับในบทที่จะแต่งต่อไป

สัททูลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙

 สัททุลลวิกกีฬิตฉันท์ (อ่านสัด-ทุน-ละ-วิก-กี-ฬิ-ตะ-ฉันท์ ซึ่งท่านเรียกกันว่า ฉันท์เสือผยอง หรือเสือคะนอง) ฉันท์นี้มีคณะทางบาลี บทหนึ่งมี ๑๙ คำ และ ๔ บาทเป็นคาถา ๑ เช่นฉันท์อื่นๆ มีครุ ลหุ ในบาทหนึ่งดังนี้
silapa-0454 - Copy
คณะทางภาษาไทย  บาท ๑ ท่านแบ่งเป็น ๓ วรรค คือวรรคต้น ๑๒ คำ วรรคที่ ๒ มี ๕ คำ และวรรคที่ ๓ มี ๒ คำ และในบาทหนึ่งมีสัมผัสจบรวดหนึ่ง นับว่าบาท ๑ เป็นบท ๑ ในภาษาไทย คือจะแต่งจบลงในบาทใดก็ได้ อย่างฉันท์มาลินี ดังแผนต่อไปนี้
silapa-0455 - Copy
………………………………………………………………………………………….
๑ การกำหนดคณะฉันท์บท ๑ ก็คือจบสัมผัสรวด ๑ คือถ้าจบสัมผัสรวด ๑ ในบาทโท ท่านก็นับว่าจบบทโทเป็นบท ๑ แต่ฉันท์ที่มีบาทละมากคำตั้งแต่มาลินีขึ้นไป มีสัมผัสจบรวดในบาทหนึ่งๆ ทั้งนั้น ดังนั้นในแบบฉันท์จารึกในวัดโพธิ์ท่านใช้บาท ๑ เป็นบท ๑ ทั้งนั้น  จึงเห็นควรจะกำหนดตามของท่าน  แต่ในฉันทลักษณ์ของเก่ากำหนดไว้ว่า ๒ บาท เป็นบท ๑ ทั้งนั้น น่าจะเป็นการผิดพลาดจึงไม่นิยมตาม

๒ นิกรวิหคมั่วมูล  ควรอ่านให้ถูกหูผู้ฟังว่า “นิเกาะ-ระ-วิ-โหะ-คะ-มั่ว-มูล”
………………………………………………………………………………………….

ตัวอย่างภาษาไทย
silapa-0455 - Copy1
หมายเหตุ  ฉันท์นี้สังเกตดูในบทละครสันสกฤต  ท่านนิยมว่าเป็นฉันท์ไพเราะ  จึงมักจะแต่งในบทพระเอก และนางเอก หรือบทที่จะให้ไพเราะอื่นๆ แต่มาแต่งในภาษาไทย ฟังดูไม่สู้เพราะเลย เพราะแต่งยาก มีลหุสลับกัน  ซึ่งจะหาคำภาษาไทยมาใช้ไม่ค่อยได้ และคำในวรรคก็ไม่ค่อยเท่ากัน ทำให้อ่านยาก  ดังนั้นท่านจึงใช้แต่งเป็นคำนมัสการ คำยอพระเกียรติ คำที่เป็นข้อธรรมะที่ใช้คำบาลีได้มากๆ เป็นต้น

อนึ่งฉันท์ที่มีบาทละมากคำ เช่น ฉันท์บทนี้ จะอ่านให้จบบาทโดยไม่ทอดจังหวะในกลางบาทเลยไม่ได้  ดังนั้นท่านจึงกำหนดไว้ให้ทอดจังหวะ ในคำที่เท่านั้นเท่านี้ตามแต่จะเหมาะ จึงเรียกว่า “ยติ” แต่จังหวะทางบาลีจะเอามาเป็นแบบทางภาษาไทยก็ไม่ได้ เพราะไทยมีสัมผัสและแบ่งวรรคต่างกับเขาเราจึงควรทอดจังหวะให้เหมาะกับการอ่านให้ไพเราะทางเรา  ดังนั้นฉันท์บทนี้วรรคแรกมีถึง ๑๒ คำ จึงควรมีทอดจังหวะในระหว่างเล็กน้อย
silapa-0456 - Copy

ก็ทอดจังหวะตามวรรค แต่คำท้ายวรรคที่ ๒ ต้องทอดจังหวะให้นานแล้วจึงขึ้นวรรคที่ ๓

อ้างอิงจาก : https://krupiyarerk.wordpress.com/2011/10/09/1725/

https://www.baanjomyut.com/library_6/poetry/12_27.html

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%89%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%8C#%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%AC%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%89%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%8C_19